ข่าวชาวสงขลานครินทร์

นักวิจัย ม.อ. คิดค้นนวัตกรรมจากยางธรรมชาติเทอร์โมพลาสติก ตอบโจทย์ BCG และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs)




ปัจจุบันปัญหาจากขยะพลาสติกประเภทแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง หรือขยะจากบรรจุภัณฑ์อาหารและสินค้าอุปโภคที่มีการใช้งานปริมาณมาก หากไม่มีการบริหารจัดการที่เหมาะสม จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง โดยจะไหลลงสู่แม่น้ำลำคลอง และท้ายที่สุดก็จะไหลรวมกันลงสู่ทะเล สร้างปัญหากับระบบนิเวศทางทะเล



มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมกับ คาเฟ่อเมซอน โออาร์ ศึกษาแนวทางการ upcycling พลาสติกเหลือทิ้งผสมร่วมกับยางพารา โดยใช้องค์ความรู้งานวิจัยเป็นฐานเพื่อผลิตเป็นวัสดุจักรสานสำหรับเฟอร์นิเจอร์จากยางธรรมชาติเทอร์โมพลาสติก ตอบโจทย์ BCG Economy หรือ โมเดลเศรษฐกิจใหม่ ภายใต้แนวคิด นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม “ยางธรรมชาติเทอร์โมพลาสติก” ซึ่งเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ต้นแบบแก่คาเฟ่อเมซอน โออาร์ โดยมี ผศ. ดร.เถกิง วงศ์ศิริโชติ รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ คณะผู้บริหาร และนักวิจัยร่วมส่งมอบ



    ดร.ณัฐพนธ์ อุทัยพันธุ์ อาจารย์ประจำวิทยาลัยนานาชาติยางพาราไทย-จีน ม.อ. เปิดเผยถึงที่มาของการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับนวัตกรรมจากยางธรรมชาติเทอร์โมพลาสติก ว่า นวัตกรรมดังกล่าวเกิดจากแนวคิดในการนำตัวขยะพลาสติกกลับมา Upcycle เพื่อลดผลกระทบของขยะพลาสติกที่จะส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม โดยการนำขยะพลาสติกไปผสมกับตัวยางธรรมชาติหรือยางพารา ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคใต้ จึงเกิดเป็นพัสดุเทอร์โมพลาสติกอิลาสโตเมอร์ ซึ่งเป็นวัสดุใหม่ที่มีคุณสมบัติพิเศษ เหมาะที่จะนำมาออกแบบเป็นเฟอร์นิเจอร์ หรือ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ



    จุดเด่นของวัสดุตกแต่งยางธรรมชาติเทอร์โมพลาสติก คือ มีคุณสมบัติคล้ายยาง แต่มีความสามารถในการแปรรูปซ้ำแบบเทอร์โมพลาสติก ซึ่งแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ยางโดยทั่วไป และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งสามารถนำกลับมาแปรรูปซ้ำได้



    สำหรับผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่ร่วมทดลองใช้กับ คาเฟ่ อเมซอน โออาร์ เป็นเทคโนโลยีการผลิตและแปรรูปเทอร์โมพลาสติกเหลือทิ้งผสมกับยางธรรมชาติให้เป็นเนื้อเดียวกันด้วยกระบวนการที่ไม่ซับซ้อน วัสดุที่เตรียมได้สามารถแปรรูปได้เหมือนเทอร์โมพลาสติก คือใช้เวลาในการแปรรูปสั้นเพียงขั้นตอนเดียว มีความนิ่มคล้ายยาง ไม่สะสมความร้อน ใช้งานได้ทนทาน ออกแบบสีสันได้ตามต้องการ และไม่มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ สามารถใช้งานได้ทั้งในอาคารและพื้นที่กึ่งร่มกึ่งแจ้ง โดยส่วนหนึ่งของงบประมาณการสนับสนุนงานวิจัยนี้ได้รับการอุดหนุนจากการยางแห่งประเทศไทย