ข่าวชาวสงขลานครินทร์

กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิต ม.อ. เป็นวันแรก




สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ระหว่างวันที่ 18 - 21 กันยายน 2567



วันนี้ (18 กันยายน 2567) เวลา 12.23 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จแทนพระองค์ไปยังศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ในการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ประจำปีการศึกษา 2565-2566 เป็นวันแรก



ในโอกาสนี้ ศาสตราจารย์นายแพทย์จรัส สุวรรณเวลา นายกสภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กราบทูลสำนึกในพระกรุณาธิคุณ และกราบทูลรายงานกิจการของมหาวิทยาลัย ในรอบปีการศึกษา 2565-2566 ซึ่งเป็นปีที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ปฏิบัติภารกิจรับใช้สังคมและประเทศชาติ ครบรอบปีที่ 55 ของการจัดตั้งมหาวิทยาลัย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนามหาวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยที่มีความเป็นเลิศทางวิชาการ สร้างความรู้และนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนสังคม เป็นสังคมฐานความรู้บนพื้นฐานพหุวัฒนธรรม สร้างบัณฑิตที่มีสมรรถนะทางวิชาการและวิชาชีพ ซื่อสัตย์ มีวินัย ใฝ่ปัญญา มีจิตสาธารณะ และมีทักษะในศตวรรษที่ 21 สามารถประยุกต์ความรู้บนพื้นฐานประสบการณ์จากการปฏิบัติและเข้าถึงความรู้ได้หลากหลายรูปแบบ โดยในปีการศึกษา 2566 มหาวิทยาลัยมีสาขาวิชาที่เปิดสอนทั้งสิ้น 355 สาขาวิชา (รวมหลักสูตรวุฒิบัตรทางการแพทย์) ระดับปริญญาตรี 145 สาขาวิชา และระดับบัณฑิตศึกษา 210 สาขาวิชา มีนักศึกษาทั้งหมด 34,561 คน มีบุคลากรทั้งสิ้น 12,068 คน




โดยปีการศึกษา 2565 สภามหาวิทยาลัยฯ ทูลเกล้าถวายปริญญาแพทยศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในปีการศึกษา 2566 ทูลเกล้าถวายปริญญาวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ภูมิศาสตร์) แด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี


ในโอกาสนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กราบทูลถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีมติทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาแพทยศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ซึ่งมหาวิทยาลัยได้เข้าเฝ้าถวายปริญญากิตติมศักดิ์แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้ว เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2567 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน และกราบทูลถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติคุณ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสที่สภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีมติทูลเกล้าฯ ถวายปริญญา วิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ภูมิศาสตร์) ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยจะได้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายในโอกาสต่อไป

จากนั้นพระราชทานปริญญากิตติมศักดิ์ แก่



- ผู้ช่วยศาสตราจารย์มยุรี วศินานุกร ปริญญาแพทยศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์



- Professor Espen Bjertness ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ระบาดวิทยา)



- ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธรรมนิตย์ นิคมรัตน์ ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (พัฒนามนุษย์และสังคม)



- ศาสตราจารย์สมรตรี วิถีพร ปริญญาทันตแพทยศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์



- นายจรัลธาดา กรรณสูต ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (การจัดการทรัพยากรเกษตรเขตร้อน)



- นายคำนึง สร้อยสีมาก ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (พัฒนาการเกษตร)

พระราชทานพระราชทานโล่เกียรติยศแก่ อาจารย์ตัวอย่างดีเด่น ประจำปี 2566-2567 แก่



- ศาสตราจารย์จิตเกษม สุวรรณรัฐ คณะแพทยศาสตร์ อาจารย์ตัวอย่างดีเด่นด้านการเรียนการสอน



- ศาสตราจารย์สาวิตรี อัษณางค์กรชัย คณะแพทยศาสตร์ อาจารย์ตัวอย่างดีเด่นด้านการวิจัยและนวัตกรรม สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ



- ศาสตราจารย์สุรศักดิ์ สังขทัต ณ อยุธยา คณะแพทยศาสตร์ อาจารย์ตัวอย่างดีเด่นด้านการวิจัยและนวัตกรรม สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ



- รองศาสตราจารย์ไชยวัฒน์ ช่วยชูสกูล คณะแพทยศาสตร์ อาจารย์ตัวอย่างรุ่นใหม่ดีเด่นของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ประจำปี 2567



- ผู้ช่วยศาสตราจารย์วชรินทร์ แก้วอภิชัย คณะวิศวกรรมศาสตร์ อาจารย์ตัวอย่างดีเด่นด้านกิจการนักศึกษา



- ผู้ช่วยศาสตราจารย์จันทร์พิมพ์ หินเทาว์ คณะทันตแพทยศาสตร์ อาจารย์ตัวอย่างดีเด่นด้านกิจการนักศึกษา

และพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ระดับปริญญาเอก โท และตรี คณะแพทยศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาลัยนานาชาติ วิทยาเขตหาดใหญ่ คณะเภสัชศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ และคณะทรัพยากรธรรมชาติ รวม 2,222 คน ตามลำดับ


โอกาสนี้ได้พระราชทานพระโอวาท ความว่า บัณฑิตทั้งหลายถือได้ว่าเป็นผู้มีความรู้สูง ย่อมมุ่งหวังที่จะออกไปประกอบอาชีพการงานให้ประสบความสำเร็จ สร้างตัวสร้างฐานะเพื่อความยั่งยืนของชีวิต ตลอดจนสร้างประโยชน์และความเจริญมั่นคงให้แก่ส่วนรวมและประเทศชาติ ในการทำงานสร้างสรรค์ประโยชน์นั้น แต่ละคนควรจะได้ยึดมั่นในพระราชปณิธาน ของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกที่ว่า “ขอให้ถือผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง” ทั้งนี้ เพราะประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์คือประโยชน์ส่วนรวม อันเป็นประโยชน์ที่ทุกคนจะได้รับร่วมกัน และเมื่อส่วนรวมได้รับประโยชน์ คือความเจริญมั่นคงแล้ว แต่ละคนผู้เป็นส่วนหนึ่งของส่วนรวมก็ย่อมมีความเจริญมั่นคงในชีวิตและกิจการงานด้วย บัณฑิตทุกคนไม่ว่าจะประกอบอาชีพการงานใดก็ตาม จึงต้องมุ่งประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน และนำความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาในมหาวิทยาลัย ประกอบกับความรู้ที่ได้ขวนขวายศึกษาเพิ่มเติม ไปใช้ในการทำงานให้สำเร็จผลอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความขยันหมั่นเพียร และความซื่อสัตย์สุจริต ถ้าทำได้ดังนี้ แต่ละคนก็จะสามารถสร้างสรรค์ประโยชน์ ทั้งประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ อันเป็นความสำเร็จแท้จริงที่ทุกคนพึงปรารถนา