ม.อ. พร้อมดูแลสุขภาพบุคลากรและนักศึกษาควบคู่ไปกับดูแลสังคม เชื่อจำนวนวัคซีนมีเพียงพอ
นายแพทย์บุญประสิทธิ์ กฤตย์ประชา รองอธิการบดีฝ่ายทรัพยากรบุคคลและพัฒนาคุณภาพ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยในสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ว่า ตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นมา ทุกภาคส่วนของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ยังคงเดินหน้าต่อในการการรับใช้สังคมเพื่อรับมือกับการระบาดผ่านการรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อ การช่วยเหลือทางวิชาการ และการทำงานเพื่อสังคมอื่นๆ โดยโรงพยาบาลสงขลานครินทร์เป็นศูนย์ฉีดวัคซีนแห่งหนึ่งให้กับจังหวัดสงขลา โดยใช้พื้นที่บริเวณศูนย์กีฬาของวิทยาเขตหาดใหญ่ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน จนถึงวันนี้ได้ให้บริการผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อมไปแล้วประมาณ 6 พันคน เช่นเดียวกับวิทยาเขตปัตตานีได้ให้บริการเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนให้กับสาธารณสุขจังหวัดปัตตานีด้วยเช่นกัน นอกจากนั้น ยังมีการใช้พื้นที่ของวิทยาเขตหาดใหญ่ วิทยาเขตปัตตานี วิทยาเขตภูเก็ต และวิทยาเขตตรังเพื่อตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามสำหรับดูแลผู้ติดเชื้อที่อาการไม่รุนแรง

ในส่วนของการดูแลบุคลากรและนักศึกษาที่เป็นผู้ติดเชื้อและผู้สัมผัสผู้ป่วยซึ่งที่ผ่านมามีจำนวนไม่มาก แต่ทุกรายจะได้รับการประสานดูแลจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ โดยผู้ใดไม่มั่นใจว่าเป็นผู้มีความเสี่ยงสูงหรือไม่ สามารถติดต่อที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หรือประสานงานไปที่ กองบริหารทรัพยากรบุคคล สำนักงานอธิการบดี วิทยาเขตหาดใหญ่ เพื่อคัดกรองความเสี่ยงและตรวจหาเชื้อต่อไป นอกจากนั้น มหาวิทยาลัยได้มีการประสานงานกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มาโดยตลอด เพื่อขอการรับจัดสรรวัคซีนในส่วนของมหาวิทยาลัยที่มีที่ตั้งในส่วนภูมิภาค ซึ่งคงต้องรอให้มีการจัดส่งวัคซีนเข้ามาในประเทศมีจำนวนที่พอเพียงสำหรับกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงที่มีความจำเป็นระดับหนึ่งก่อน


“อย่างไรก็ตาม สำหรับในจังหวัดสงขลานั้นมีผู้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อม ในเดือนมิถุนายน ประมาณ 5 หมื่นคน และเดือนกรกฎาคมประมาณ 7 หมื่นคน ซึ่งแม้จะมีข่าวของความขลุกขลักไม่เป็นไปตามเป้าหมายเมื่อต้นเดือนมิถุนายน แต่ในที่สุดทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนหรืออาจจะดำเนินการได้เร็วกว่าแผนที่วางเอาไว้ทำให้ประชาชนชาวสงขลาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยจะค่อยๆ ทยอยได้รับวัคซีนตั้งแต่ประมาณเดือนกรกฎาคม ถึงเดือนกันยายน รวมทั้งอาจมี “วัคซีนทางเลือก” เข้ามาให้บริการที่อาจมีค่าใช้จ่ายซึ่งมหาวิทยาลัยจะพิจารณาร่วมดูแลตามความเหมาะสม”